ประเภทอะไหล่ในวงการค้าขาย
ภาษาอะไหล่ของช่าง ของร้านอะไหล่ หรือคนที่ใช้รถมักเรียกว่า อะไหล่แท้, อะไหล่เทียมแท้ อะไหล่เทียม และอะไหล่มือสอง การเลือกซื้ออะไหล่มีหลายทางเลือก แต่เลือกอย่างไรให้เหมาะกับลักษณะการใช้งาน เพื่อความสมบูรณ์ของตัวรถและความปลอดภัย และพอดีกับงบประมาณ เราแบ่งประเภทอะไหล่ดังนี้

  1. อะไหล่ใหม่และเป็นของแท้ หมายถึงต้องมีกล่องหรือหีบห่อที่มีโลโกเดียวกับรถยนต์ของเรา อะไหล่พวกนี้สามารถเบิกจากศูนย์บริการเองก็ได้ หรือสั่งผ่านร้านอะไหล่ เพราะมีอะไหล่ปลอมที่ก๊อบปี้ทั้งอะไหล่และแพ็คเกจก็มี ดังนั้นอะไหล่แท้ควรจะซื้อจากศูนย์หรือร้านอะไหล่ใหญ่ๆ ที่ไว้ใจได้
  2. อะไหล่เทียมแท้ เป็นอะไหล่ใหม่เหมือนกัน แต่เป็นยี่ห้ออิสระ มีราคาถูกกว่าอะไหล่ของแท้ราว 15-40 เปอร์เซ็นต์แล้วแต่ประเภทของอะไหล่ ร้านมักจะบอกว่าเป็นบริษัทเดียวกับที่ผลิตให้บริษัทรถยนต์ แต่บอกได้เลยว่าจริงบ้างไม่จริงบ้าง เพราะมีบางยี่ห้อที่ผลิตให้บริษัทรถยนต์จริง หลายยี่ห้อก็ไม่ใช่ ต้องศึกษากันให้ดี
  3. อะไหล่เทียม คืออะไหล่ที่ไม่ค่อยมีคุณภาพมากนัก เน้นราคาถูกไว้ก่อน
  4. อะไหล่มือสอง ในที่นี้หมายถึงอะไหล่ที่ถอดจากรถรุ่นเดียวกัน อาจถอดมาจากชิ้นส่วนเก่าญี่ปุ่นหรือรถในบ้านเราก็ได้ บางอย่างก็สามารถใช้ได้และดีกว่าใช้ของเทียม แต่ก็ต้องศึกษาด้วยว่าอะไหล่มือสองนั้นเป็นอะไหล่นำเข้าหรืออะไหล่ที่ถอดมาจากรถในบ้านเรา นั่นเพราะว่ารถหลายรุ่นที่ขายในบ้านเรานั้น ไม่สามารถใช้อะไหล่ร่วมกับรถที่ญี่ปุ่นได้ อาจจะมีหลายอย่างใช้ได้และใช้ไม่ได้ก็ต้องศึกษาให้ดี จะได้ไม่ต้องเจออะไหล่เก่าที่ถอดมาจากรถบ้านเราแล้วขายวนในนี้

อะไหล่มีคุณภาพและอะไหล่ไม่มีคุณภาพ

อะไหล่คุณภาพก็คืออะไหล่แท้เบิกห้าง และอะไหล่ที่ผลิตจากซัพพายเออร์ที่ผลิตส่งให้กับบริษัทรถยนต์ บ้านเราเองมีหลายยี่ห้อเหมือนกัน ชิ้นส่วนเหล่านี้มีคุณภาพเทียบเท่าของเบิกห้างแต่ราคาถูกกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นพวกชิ้นส่วนช่วงล่าง ระบบเบรก ระบบไฟฟ้า หรือแม้แต่ระบบปรับอากาศ ส่วนอะไหล่มือสองก็จัดอยู่ในอะไหล่คุณภาพ เพียงแต่ว่าสภาพนั้นต้องอยู่ในสภาพที่ดีพร้อมใช้งานไม่ใช่อะไหล่ชำรุด
ส่วนอะไหล่ไม่มีคุณภาพนั้นก็คืออะไหล่ปลอม อะไหล่ทำเลียนแบบ ซึ่งมีเยอะมากในท้องตลาด พวกนี้จะเน้นราคาถูกมากเป็นพิเศษ เอาไปใช้งานอาจจะก่อให้เกิดปัญหา เช่นเครื่องยนต์หรือระบบไฟฟ้าอาจจะทำงานไม่สมบูรณ์ หรือไม่มีความปลอดภัยพออาจจะแตกหักหรือสึกหรอได้ง่าย และอาจจะทำให้เกิดอันตรายในที่สุด

อะไหล่ประเภทไหนควรเลือกอย่างไร
เพื่อให้ตัวรถทำงานได้สมบูรณ์เต็มร้อย เพราะการเลือกอะไหล่มีเหตุผลหลายประการด้วยกัน แต่หลักๆ คือเรื่องของงบประมาณ เพราะถ้างบประมาณไม่ใช่ปัญหา ใครๆ ก็คงเปลี่ยนเอาอะไหล่แท้กันหมดแน่นอน
เมื่อแบ่งประเภทของอะไหล่ไปแล้ว ก็อยากจะแบ่งประเภทของระบบต่างๆ ภายในรถยนต์ไว้ เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าอะไหล่แบบไหนเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย อะไหล่แบบไหนเกี่ยวข้องกับความสมบูรณ์ของเครื่องยนต์ และอะไหล่แบบไหนไม่ซีเรียสว่าจะต้องเป็นอะไหล่แท้ เทียม หรือมือสอง

ระบบต่างๆ ภายในรถ ได้แก่ ชิ้นส่วนตัวถัง ระบบไฟฟ้า เครื่องยนต์และเกียร์ ช่วงล่าง ประเภทหลักๆ นี้ก็มีความแตกต่างกันไปในเรื่องของการเลือกซื้อและพิจารณา

ชิ้นส่วนตัวถัง
ได้แก่ ประตู ฝากระโปรง ไฟหน้า ไฟท้าย กระจัง ฯลฯ ชิ้นส่วนพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยมากนัก ไม่จำเป็นต้องเป็นอะไหล่ใหม่หรือแท้ก็ได้ แต่แนะนำว่าควรเป็นอะไหล่มือสองหรืออะไหล่เก่าจะดีกว่า เพราะมันคืออะไหล่ของแท้แต่ถูกถอดมานั่นเอง

ราคาอาจจะพอๆ กับอะไหล่ของเทียมหรือของไต้หวัน แต่คุณภาพและความประณีตดีกว่า ใส่แล้วไม่มีช่องไฟเหลือ แนบสนิทพอดี ไม่ต้องตกแต่งชิ้นส่วน และที่สำคัญอายุการใช้งานอาจจะยาวนานกว่าของไต้หวันด้วยซ้ำ อย่างไฟหน้าของไต้หวันบางทีปีกว่าๆ ก็หมองแล้ว แต่ของมือสองอาจจะอยู่ทนกว่าเยอะ ประเภทนี้สามารถเลือกได้ตามความต้องการไม่มีผลต่อความปลอดภัยอะไร

ระบบไฟฟ้าในรถยนต์
ในที่นี้แบ่งได้เป็นสองประเภทย่อยๆ นั่นก็คือระบบอำนวยความสะดวก และระบบไฟฟ้าของเครื่องยนต์ มาดูแบบแรกกันก่อน นั่นก็คือ ระบบไฟฟ้าอำนวยความสะดวก เช่น เซ็นทรัลล็อก กระจกไฟฟ้า เบาะไฟฟ้า เครื่องเสียง กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า ฯลฯ สิ่งเหล่านี้สามารถใช้ของมือสองได้ ของเทียมบางอย่างก็ใช้ได้แต่พอนานๆ ไปอาจจะมีปัญหาบ้าง เนื่องจากคุณภาพของชิ้นส่วนอาจจะไม่ได้มาตรฐานนัก

ระบบไฟฟ้าเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องซื้อของแท้หรือของใหม่เพราะแพงโดยใช่เหตุ เว้นแต่เช็กราคาแล้วต่างกับของมือสองไม่มากก็ค่อยซื้อของใหม่ อย่างสวิตช์กระจกไฟฟ้า มอเตอร์กระจกไฟฟ้า ฯลฯ ใช้ของมือสองก็ได้ ไม่มีผลต่อความปลอดภัยอะไร ส่วนพวกรีเลย์ เซ็นเซอร์ต่างๆ ก็หาซื้อตรงยี่ห้อจากของเดิมก็ได้ซึ่งค่ายรถยนต์ก็ใช้อยู่ไม่กี่ยี่ห้อ

ประเภทต่อมาคือระบบไฟฟ้าของเครื่องยนต์ ประเด็นนี้เริ่มซีเรียสแล้ว เพราะมันส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์โดยตรง อะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าของเครื่องยนต์ เช่น คอยล์จุดระเบิด ไดชาร์จ มอเตอร์สตาร์ท เซ็นเซอร์ต่างๆ แอร์โฟร์มิเตอร์ ฯลฯ ชิ้นส่วนเหล่านี้ควรซื้อของแท้หรือของมือสองเท่านั้น ของเทียมไม่แนะนำเพราะมันอาจส่งผลกับการทำงานของเครื่องยนต์โดยตรง

อยากแนะนำว่า เมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับระบบต่างๆ เหล่านี้ เมื่อช่างประเมินแล้วว่าอะไรเสีย เช่น คอยล์จุดระเบิด ไดชาร์จ มอเตอร์สตาร์ท ฯลฯ ควรโทรฯเช็กกับศูนย์บริการก่อนว่าราคาเท่าไหร่ และค่าแรงเท่าไหร่ จากนั้นค่อยเปรียบเทียบกับอะไหล่มือสอง

ถ้าพบว่าราคาต่างกัน 30-50 เปอร์เซ็นต์ แนะนำว่าเข้าศูนย์ไปเลยดีกว่า เพราะอะไหล่เหล่านี้ใช้งานได้อย่างน้อยๆ 4-5 ปีขึ้นไป เช่น มอเตอร์สตาร์ทมือสองลูกละ 2,500 บาท ค่าแรงเปลี่ยนอีก 200 บาท แต่ของใหม่ราคา 4,800 บาท ค่าแรงราว 260 บาท

ถ้าเปลี่ยนมอเตอร์สตาร์ทในศูนย์ คุณจะได้คืออายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าของมือสองมากกว่าเท่าตัว และการรับประกันอะไหล่ 6-12 เดือน รับประกันการซ่อม 3-6 เดือนเป็นอย่างน้อย เท่ากับว่าเป็นส่วนต่างที่น่าเพิ่ม เนื่องจากของมือสองนั้นรับประกันเต็มที่ก็ 7-15 วัน หลังจากนั้นเสียแล้วเสียเลย การรับประกันการซ่อมก็ไม่มี ถ้าโชคร้ายใช้ไปได้ไม่นานแล้วเสียอีก เท่ากับว่าราคาอะไหล่และค่าแรงเมื่อเปลี่ยนสองครั้งมันเกินของใหม่อีก

แต่ก็มีข้อยกเว้น เช่น แอร์โฟร์มิเตอร์ของใหม่ ราคาอาจสูง 13,000-18,000 บาท ถ้าของมือสองราคา 3,000-4,000 บาท อย่างนี้ก็พอที่จะตัดสินใจซื้อของมือสองได้

เครื่องยนต์และเกียร์
ชิ้นส่วนพวกท่อยาง พลาสติก ควรใช้ของแท้เพราะอายุการใช้งานนั้นสูงกว่าของเทียมหลายเท่าตัว ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ไม่ว่าจะเป็นลูกสูบ แหวน วาล์ว แบริ่ง ปั๊มน้ำ ฯลฯ พวกนี้ต้องใช้ของใหม่ และแท้เท่านั้น

ส่วนระบบอื่นๆ เช่น แอร์ หม้อน้ำ อยากจะบอกว่าก่อนอื่นต้องเช็กราคาของใหม่ก่อน โดยเฉพาะหม้อน้ำสำหรับรถรุ่นใหม่ๆ มักจะเป็นอะลูมิเนียมคอเป็นพลาสติก ราคาอยู่ในราว 5,000-8,000 บาท ส่วนหม้อน้ำตามร้านหม้อน้ำทั่วไปจะเป็นทองแดง ถ้าทำใหม่ก็ตกใบละ 3,500-6,000 บาท แต่ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนนั้นสู้ของแท้ไม่ได้เลย ซื้อของแท้ไปเลย อย่างน้อยๆ อยู่ได้อีก 6-7 ปีเป็นอย่างน้อย ยิ่งรถที่มีเทอร์โบพอเจอหม้อน้ำทองแดงจะมีปัญหาเรื่องความร้อนขึ้นสูงกว่าปกติเล็กน้อย แม้ว่าจะขยายเป็น 2 หรือ 3 ช่องแล้วก็ตามที เพราะจำนวนหลอดน้ำน้อยกว่า ครีบระบายความร้อนก็น้อยกว่าของแท้

ระบบแอร์นั้นถ้าเป็นคอมเพรสเซอร์แอร์ใช้มือสองก็พอไหว ถ้าสนนราคาอยู่ในราว 3,000-4,000 บาท เพราะของใหม่นั้นอยู่ในราวหมื่นต้นๆ ขึ้นไป ส่วนท่อทางไดเออร์ วาล์วฉีดน้ำยา และคอยล์เย็นต้องใช้ของแท้เท่านั้น เพราะส่งผลต่อความเย็นฉ่ำโดยตรง อย่าไปเชื่อร้านว่าใช้ของเทียมได้ เพราะใช้ได้จริงแต่ความเย็นสู้กันไม่ได้ และราคาอะไหล่พวกนี้ต่างกันแค่หลักร้อยเท่านั้น

เรื่องของระบบเกียร์ ถ้าเกียร์เสื่อมสภาพมีทางแก้สองอย่าง คือซ่อมกับเปลี่ยนเกียร์มือสอง อยากแนะนำประเด็นแรกก่อนเพราะเดี๋ยวนี้การซ่อมเกียร์ที่ศูนย์บริการก็ไม่แพงเหมือนเก่า และที่สำคัญการที่จ่ายแพงกว่านั้นก็เป็นการรับประกันต่อเนื่องด้วย และการรับประกันของศูนย์นั้นเราสามารถที่จะเรียกร้องให้ซ่อมแซมเมื่ออยู่ในระยะรับประกันได้ จะแพงกว่าซ่อมอู่ทั่วๆ ไปราว 15-30 เปอร์เซ็นต์ แต่ได้อะไหล่ที่มีคุณภาพและการซ่อมแซมที่ได้มาตรฐาน

รองลงมาเป็นอู่ที่รับซ่อมเกียร์โดยอู่เฉพาะทางแบบนี้มีไม่กี่แห่ง แต่ฝีมือเทียบเท่ากับศูนย์บริการราคาถูกกว่ากันไม่มากนัก และแพงกว่าอู่ซ่อมเครื่องยนต์และเกียร์ทั่วๆ ไป ลองประเมินดูก่อนว่าค่าซ่อมออกมาเท่าไหร่ ถ้ารับไหวก็ซ่อม การซ่อมแบบนี้อยู่ได้นานกว่า ถ้างบน้อยก็ต้องยอมทำใจอาจจะต้องลุ้นหน่อย

ซื้อเกียร์มือสองลูกหนึ่งก็ราว 8,000-15,000 บาท หรือแพงกว่านั้นขึ้นอยู่กับรุ่นรถด้วย แบบนี้เร็วเพราะทำไม่เกินครึ่งวัน ส่วนอายุการใช้งานนั้นไม่แน่นอนไม่สามารถคาดเดาได้ ถ้าโชคดีก็ใช้ได้นานหลายปีโชคร้ายก็นับเดือนพัง

ช่วงล่าง
เบรก คลัตช์ สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการขับขี่โดยตรง แนะนำว่าต้องเป็นของแท้หรือดีกว่าของแท้เท่านั้น พวกลูกหมาก บูช คันชักคันส่ง ต้องใช้ของแท้เท่านั้น เนื่องจากเคยพบกับตัวว่าของเทียมแม้จะเป็นยี่ห้อดังๆ ก็หลุด QC ให้เห็นบ่อยใช้งานได้ไม่กี่เดือนก็เสียอีก และที่เสียก็ร้ายแรงถึงขนาดหลุดออกจากเบ้า0

ผ้าเบรกผ้าคลัตช์ ควรเป็นของแท้หรือของมียี่ห้อดีกว่า มีให้เลือกหลายยี่ห้อ ถ้าราคาถูกมากๆ ไม่แนะนำเพราะอายุการใช้งานและประสิทธิภาพไม่ดีนัก

ลูกปืนล้อ ลูกปืนคลัตช์ ก็เปลี่ยนเอาของยี่ห้อทั่วไปได้ ไม่มีผลต่อความปลอดภัย ส่วนจานเบรกของแท้แพง ก็สามารถซื้อของที่มีคุณภาพอย่างพวก Bendix, TRW, Brembo ใช้ได้ ราคาพอๆ กับของแท้ ประสิทธิภาพพอกัน เพราะพวกนี้ผลิตส่งโรงงานผู้ผลิตรถยนต์อยู่แล้ว

โช้กอัพถ้าเป็นรถญี่ปุ่นหรือราคาอะไหล่ไม่แพงนัก ก็ควรเปลี่ยนใหม่ จะยี่ห้อ KYB (Kayaba) หรือ Monroe เกรดสแตนดาร์ดก็ใช้ได้ ถูกกว่าเบิกห้างเยอะและมีรับประกัน 1 ปี เวลาซื้อก็เรียกหาใบรับประกันไว้ด้วย

ส่วนชุดซ่อมอื่นๆ เช่น ชุดซ่อมเบรก ปั๊มเบรก ปั๊มคลัตช์ ซีลกันน้ำมันต่างๆ พวกอะไหล่จุกจิกเล็กๆ น้อยๆ ไปเบิกของแท้ดีกว่า อยู่ได้ยาวนานกว่ากันเยอะ และตัดปัญหาว่าซื้อมาแล้วอะไหล่ไม่ฟิตพอดีกับชิ้นส่วนด้วย ราคาก็ต่างจากของเทียมไม่เยอะนัก

อย่าด่วนตัดสินใจ
การเลือกอะไหล่และการซ่อมเป็นสิทธิ์ของเรา เวลาเข้าไปประเมินราคาก็ยังไม่ได้หมายความว่าต้องซ่อมกับอู่นั้นๆ ถ้าช่างคิดค่าแรงตรวจเช็กก็ให้ไป แต่ถ้ายังไม่แน่ใจว่าเป็นอาการดังกล่าวชัวร์หรือไม่ เหมือนกับเวลาที่เราไปหาหมอแล้วไม่สบายใจ เราก็มีสิทธิ์ไปหาหมอคนอื่น

รถก็เหมือนกัน ถ้าไม่แน่ใจลองเข้าไปสัก 2-3 แห่งแล้วค่อยตัดสินใจ เรื่องอะไหล่เป็นเรื่องที่เราตัดสินใจเอง ถ้าอู่ยัดเยียดให้นักก็ไม่ต้องทำ มีอู่ดีๆ อีกเยอะ การตัดสินใจในการเลือกอะไหล่มีผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ และอายุการใช้งานของตัวรถ

บางอย่างควรจะต้องกัดฟันจ่าย บางอย่างก็ไม่จำเป็น ของเทียมก็ได้ มือสองก็ได้ ขึ้นอยู่กับความจำเป็น แต่ถ้าอันไหนเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและระบบไฟฟ้าของเครื่องยนต์ แนะนำว่าของใหม่ดีที่สุด สุดท้ายจะได้ใช้รถอย่างมีความสุขและสบายกระเป๋า

วันนี้ศูนย์ซ่อมอิสระ หรือแม้แต่อู่ทั่วไปก็ไม่ได้ถูกกว่าศูนย์มากนัก หลายครั้งที่นำเข้าซ่อมแล้วปรากฏว่าค่าใช้จ่ายโดยรวมถูกกว่าศูนย์เพียง 10-20 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นกรณีแบบนี้ควรเข้าศูนย์เพราะอย่างน้อยคุณจะได้การรับประกันการซ่อมและการรับประกันอะไหล่ สิ่งสำคัญเมื่อเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาก็ยังตามไล่เบี้ยได้ง่าย

ส่วนศูนย์บริการเองก็ต้องพัฒนาฝีมือช่างและพัฒนาเรื่องความใส่ใจในการซ่อมให้มากขึ้น ควรจะเน้นการตรวจเช็กให้ละเอียดจากอะไหล่ราคาถูกๆ ไปก่อน ไม่ใช่เปลี่ยนแบบหว่านแหเปลี่ยนแล้วไม่หาย ลูกค้าต้องเข้า 2-3 รอบ เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถครั้งต่อไปของลูกค้าด้วย

ไม่ควรยัดเยียดการบริการอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการซ่อมบำรุงปกติ ไม่ว่าจะเป็นการล้างหัวฉีด ฟื้นฟูระบบปรับอากาศ ล้างเกียร์ทั้งระบบ ฯลฯ หลายครั้งที่เจอรถลูกค้าอายุยังไม่ถึงปีหรือวิ่งน้อยๆ แต่ยัดเยียดการบริการเหล่านี้ให้ ซึ่งค่าบริการแต่ละอย่างก็มีอย่างน้อยๆ 3,000 บาทขึ้นไป ทำให้กลายเป็นสิ่งที่ผลักลูกค้าให้ไปใช้บริการด้านนอก บริการเหล่านี้ควรใช้เป็นแผ่นพับหรือโปสเตอร์ติดไว้ตามที่ลูกค้านั่งอยู่ ถ้าลูกค้าสนใจจะถามหาเองและก็ยังจะใช้บริการต่อเนื่อง ไม่ใช่ยัดเยียดการขายให้กับลูกค้า

Credit: http://gmlive.com